1.ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิคส์แบ่งได้กี่วิธีอะไรบ้าง
สามารถจำแนกวิธีการประมวลผลตามลักษณะเครื่องมือที่ใช้ ได้ 3 วิธี คือ
1.
การประมวลผลด้วยมือ ( Manual Data Processing ) เป็นวิธีดั้งเดิม
วิธีการประมวลผลไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับงานที่มีปริมาณไม่มาก และไม่เร่งด่วน
มีการนำอุปกรณ์ธรรมดามาช่วย เช่น การใช้ลูกคิด กระดาษ ปากกา
2.
การประมวลผลด้วยเครื่องจักรกล ( Mechanical Data Processing) เป็นวิธีการประมวลผลที่อาศัยเครื่องจักรกลมาทำงานร่วมกับอุปกรณ์สำหรับการประมวลผลด้วยมือ
เช่น เครื่องทำบัญชี
3.
การประมวลผลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Data Processing ) เป็นวิธีการที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
ซึ่งนำคอมพิวเตอร์มาใช้ประมวลผล เหมาะสำหรับงานที่มีปริมาณมาก ต้องการความรวดเร็ว
ถูกต้อง
·
งานที่มีปริมาณมาก
·
งานที่ต้องการความรวดเร็ว
·
งานที่ต้องการความถูกต้อง
·
งานที่ต้องการความปลอดภัยของข้อมูล
·
งานที่มีความซับซ้อนในการคำนวณ
·
งานที่มีขั้นตอนและรูปแบบการทำงานซ้ำๆ
อิเล็กทรอนิกส์ “หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอน
ไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน
และให้หมายความรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการทางแสง วิธีการทางแม่เหล็ก
หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่าง ๆ
“อิเล็กทรอนิกส์” คือ โทรศัพท์ แฟกซ์ อีเมล์
อินเทอร์เน็ต ก็ถือว่าเป็นอิเล็กทรอนิกส์ด้วย เพราะคำว่า “วิธีการทางอิเล็กตรอนนั้น”
จะหมายรวมถึงการส่งข้อมูลไปตามสายโทรศัพท์ สายแลน สายไฟเบอร์
หรือแม้แต่การส่งข้อมูลผ่าดาวเทียมก็ล้วนแล้วแต่เป็นการประยุกต์ใช้วิธีทางอิเล็กตรอนทั้งหมด ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์คือ
เรื่องราวหรือข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบของ ตัวอักษร ตัวเลข เสียง ภาพ
หรือรูปแบบอื่นใดที่สื่อความหมายได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ
ที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น
วิธีการแลกเปลี่ยน เรื่องราวหรือข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบของ ตัวอักษร
ตัวเลข เสียง ภาพ
หรือรูปแบบอื่นใดที่สื่อความหมายได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ
ทางอิเล็กทรอนิกส์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โทรเลข โทรพิมพ์ หรือโทรสาร
สำหรับคำว่า "ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์" นั้น ถ้าเข้าใจกันแบบง่ายๆ
ก็หมายถึง
ข้อความที่แต่เดิมปรากฏอยู่บนกระดาษซึ่งใช้แสดงเจตนาหรือแสดงผลผูกพันของตัวบุคคล
วันดีคืนดี พอมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถแปลงข้อความให้อยู่ในรูปของ
"ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์" เพราะต้องส่งถึงกันหรือสื่อสารถึงกัน โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
เช่น การส่งถึงกันโดยทางอินเทอร์เน็ต หรือโดยทางโทรเลข หรือโดยทางโทรสาร
แม้กระทั่งทางโทรพิมพ์ที่อาจเป็นวิธีเก่าที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นกันเท่าไหร่นักในยุคนี้
จึงเป็นที่มาของการผลักดันให้เกิดการยอมรับผลทางกฎหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น
และนั่นหมายถึง การยอมรับความเท่าเทียมกันของข้อความที่อยู่บนกระดาษ
ให้เท่าเทียมกับข้อความที่อยู่ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนั้น
ยังมีหลักการสำคัญอีกประการ ในการยอมรับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
ให้เท่าเทียมกับลายมือชื่อธรรมดาที่เราๆ ท่านๆ เซ็นลงบนกระดาษ
การจัดการข้อมูล (Data Management)
การจัดการข้อมูล
ในระบบคอมพิวเตอร์หน่วยที่เล็กที่สุดที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ คือ บิต
แต่การที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถสื่อความต้องการในการเก็บข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์และสามารถที่จะนำข้อมูลนั้นออกมาใช้ร่วมกันได้
โดยไม่มีการซ้ำซ้อนของข้อมูลหรือความขัดแย้งของข้อมูล จึงได้มีการจัดการข้อมูลให้มีลักษณะโครงสร้างลดหลั่นกันอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่
·
บิต (Bit)
คือเป็นตัวแทนของหน่วยที่เล็กที่สุดของข้อมูลที่คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลในหน่วยความจำของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยเลขฐานสอง นั่นก็คือ
0 และ 1
เท่านั้น·
ไบต์ (Byte)/อักขระ (Characters)
คือการนำกลุ่มของบิต 7 Bits หรือ 8 Bits (ขึ้นอยู่กับมาตรฐานที่ใช้)มารวมกันเป็นตัวอักษร ตัวเลข
หรือสัญลักษณ์พิเศษ
หนึ่งตัวอักษร (Character)
เช่น รหัส ASCII 1 ไบต์
ซึ่งจะเก็บข้อมูล 01000001 แทนตัวอักษร
·
ฟิลด์ (Field)
คือข้อมูลที่ประกอบด้วยอักขระ
เพื่อให้สามารถสื่อความหมายตามที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น
ชื่อพนักงาน นามสุกล
·
ระเบียน
(Record) คือการรวมกลุ่มของฟิลด์หลายๆ
ฟิลด์ที่มีความหมายเกี่ยวพันกันมารวมกันอย่างมีความหมาย
·
ไฟล์/
แฟ้มข้อมูล (File)
คือเป็นการรวมกันของระเบียนหลายๆ ระเบียนที่เกี่ยวพันกันมารวมกัน เช่น
แฟ้มข้อมูลลูกค้า แฟ้มข้อมูลการขายสินค้า
ฐานข้อมูล (Database) คือ กลุ่มของข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง (Real Fact) ที่ถูกนำมารวมไว้ในที่เดียวกันอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยกลุ่มของผู้ใช้ตั้งแต่หนึ่งกลุ่มขึ้นไป โดยข้อมูลเหล่านั้นอาจเป็นได้ทั้งข้อความ รูปภาพหรืออื่นๆ
ซึ่งแต่ละไฟล์ที่นำมารวมกันจะมีความซ้ำซ้อนของข้อมูลน้อยที่สุด
3.ออกแบบแฟ้มข้อมูลจำนวน 1 แฟ้มข้อมูล โดยกำหนด FIELD
และ RECORD ตามความเหมาะสม
4.จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการประมวลผลข้อมูลแบบแบชและแบบเรียลไทม์
การประมวลผลข้อมูล
(Data Processing)
การประมวลผลข้อมูลสามารถทำได้
2 วิธี คือ
การประมวลผลแบบแบตซ์
(Batch Processing) คือการประมวลผลข้อมูลที่ได้ทำการเก็บรวบรวมไว้เป็นชุดข้อมูลแล้วจึงนำส่งข้อมูลเหล่านั้นไปทำการประมวลผลข้อมูลพร้อมกันทั้งหมดทีเดียวซึ่งระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้เพื่อรอการประมวลผลอาจจะเป็นรายวันรายสัปดาห์รายเดือนหรือรายปีเป็นต้นเช่นการประมวลผลการเสียภาษีประจำปี การคิดดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคาร
การประมวลผลแบบเรียลไทม์ (Real - Time Processing) คือ การประมวลผลทันทีทุกครั้งที่มีการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบบางทีอาจจะเรียกว่าการประมวลผล
แบบ Transaction Processing เช่น ระบบเงินฝาก - ถอนเงินด้วย ATM ของธนาคาร ระบบสำรองที่นั่งในเครื่องบิน ระบบการตัดยอดสินค้าคงคลังทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้า
เป็นต้น
การประมวลผลข้อมูลทั้งสองวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานของระบบว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องทำการประมวลผลทันทีหรือสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เป็นกลุ่มก่อนแล้วจึงทำการประมวลผลพร้อมกันทีเดียว
เช่น
การประมวลผลการเสียภาษี
จะทำการประมวลผล
1
ปีต่อครั้ง
เนื่องจากการคิดภาษีเป็นการคิดจากรายได้ตลอดปี
แต่การตัดยอดบัญชีเงินฝากของลูกค้าจำเป็นที่จะต้องทำการประมวลผลทันทีทุกครั้งที่มีการฝากหรือถอนเงิน
ทั้งนี้เพื่อทราบยอดคงเหลือที่ลูกค้ามีอยู่
ณ
ปัจจุบัน
เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น